249.00 บาท
พ่อแม่อยากให้ไป แต่ลูกอยากรอด: คู่มือเอาตัวรอดสำหรับชีวิตต่างแดน
เมื่อพ่อแม่ส่งให้ไป แต่หัวใจยังไม่พร้อม หนังสือเล่มนี้คือคู่มือเอาตัวรอดในต่างแดน ที่ไม่ใช่แค่รอด แต่เติบโตด้วยตัวเอง เข้าใจตัวเอง และมีแรงก้าวต่อไป
249.00 บาท
ขณะนี้ปิ่นโตไม่รองรับการอ่านบนเว็บไซต์
อ่านอีบุ๊กที่ซื้อแล้วได้บนแอปปิ่นโตเท่านั้น
เรื่องย่อ
เรื่องย่อ :
ในโลกยุคใหม่ที่การศึกษาข้ามพรมแดนกลายเป็นความฝันหลักของครอบครัวไทยจำนวนมาก หนังสือ พ่อแม่อยากให้ไป แต่ลูกอยากรอด ถือกำเนิดขึ้นจากรอยต่อระหว่างความคาดหวังของผู้ใหญ่ และความเปราะบางของวัยรุ่นที่ต้องเดินทางไกลไปใช้ชีวิตคนเดียวในต่างแดน โดยที่บางครั้ง… เขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขา "อยากไป" หรือแค่ "จำเป็นต้องไป"
ผู้เขียนถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรง ผสมผสานกับเรื่องเล่าจากหลากหลายเสียงของนักเรียนไทยในต่างประเทศ ถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมา จริงใจ และไม่สวยหรู หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่ไกด์บุ๊กหรือคู่มือการเรียนรู้แบบท่องจำ หากแต่เป็น คู่มือเอาตัวรอดในความเป็นมนุษย์ – สำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากบ้าน สู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีแม่คอยเตือน ไม่มีครูคอยบอก และไม่มีเพื่อนคนเดิมอยู่ข้าง ๆ
หนังสือเริ่มต้นจากการสำรวจจุดแตกหักในความเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูก – ในวันที่ความหวังของคนหนึ่งกลายเป็นความกดดันของอีกคน ความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นความกลัว และการตัดสินใจที่ดูเหมือนเกิดขึ้นจากความสมัครใจ แต่แท้จริงอาจขับเคลื่อนด้วยคำว่า “กลัวทำให้พ่อแม่ผิดหวัง”
แต่ผู้เขียนไม่ได้หยุดเพียงการตั้งคำถาม หากยังพาผู้อ่านไปไกลกว่านั้น ผ่านบทเรียนต่างๆ ที่นักเรียนต่างแดนต้องเผชิญในโลกจริง ไม่ใช่ในภาพโฆษณา
เราจะเห็นการเตรียมตัวที่ลึกกว่าการสอบ IELTS – ไม่ว่าจะเป็นการฝึกจัดการเวลาเมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตทั้งหมดด้วยตัวเอง การเผชิญหน้ากับความเหงาในห้องพักแปลกหน้า การเริ่มต้นวันใหม่โดยไม่มีเสียงปลุกของแม่ หรือการนั่งเงียบๆ ในห้องเรียนที่ไม่มีใครเข้าใจสำเนียงของเราเลยสักคนเดียว
หนึ่งในคุณค่าหลักของหนังสือคือการสอนให้ผู้อ่าน “รู้จักตัวเองในสถานการณ์ใหม่” ผ่านการเขียนที่ไม่ตัดสิน ไม่ตำหนิ แต่เชิญชวนให้สำรวจภายในอย่างอ่อนโยน ผู้อ่านจะได้เห็นภาพของความเหงา ความสับสน ความกลัวที่ถูกยอมรับอย่างเปิดเผย ไม่ใช่สิ่งต้องหลบซ่อน และเมื่อความรู้สึกถูกยอมรับ มันก็พร้อมจะ “ผ่านพ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้เขียนได้ออกแบบหนังสือในเชิงคู่มือจริงจัง โดยมีแต่ละบทเป็น “ขั้นตอนการเอาตัวรอด” ตั้งแต่ก่อนบิน วันแรกที่ลงเครื่อง สัปดาห์แรกในมหาวิทยาลัย การเอาตัวรอดในห้องเรียนต่างวัฒนธรรม การจัดการชีวิตรายวัน การหาเพื่อนใหม่โดยไม่ฝืนตนเอง ไปจนถึงบทที่พูดถึงความคิดถึงบ้าน ความผิดหวัง ความเหนื่อยล้า และการขอความช่วยเหลืออย่างมีศักดิ์ศรี
ทุกบทมีโครงสร้างชัดเจน ประกอบด้วยคำแนะนำ เครื่องมือ เทคนิค และกรณีศึกษาจริงที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า “ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว” หนังสือยังมีแทรกบทสนทนาจากนักเรียนจริง เช่น “แนต” ที่รู้สึกเหมือนถูกรถเข็นไปส่งถึงหน้าสนามบินโดยไม่มีใครถามความรู้สึก หรือ “มุก” ที่เคยคิดว่าเรียนเมืองนอกคือฝัน แต่กลับร้องไห้ทุกคืนจากความเหงาและแรงกดดัน
ในขณะเดียวกัน หนังสือยังให้ความสำคัญกับ “ผู้ปกครอง” อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่ให้ความรู้ แต่ชวนให้พ่อแม่กลับมาทบทวนวิธีสื่อสารและตั้งความหวังกับลูก โดยไม่กดดัน หรือใช้คำว่า “อนาคตที่ดี” เป็นเกณฑ์วัดความสุขของลูก
หนังสือเสนอโมเดลของการพูดคุยแบบปลอดภัย เปิดพื้นที่ให้ลูกได้พูดความกลัวโดยไม่ถูกตัดสิน ให้พ่อแม่กล้าถามคำถามที่ลึกกว่าแค่ “จะไปเมื่อไหร่” เช่น “พร้อมไหม?” “อยากลองก่อนไหม?” หรือ “เราจะไปด้วยกันในใจนะ ไม่ใช่ไปคนเดียว”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบทเฉพาะกิจสำหรับการเอาตัวรอดด้านการเงิน การจัดการสุขภาพกายใจ การใช้ชีวิตแบบ “ไม่รวยแต่ไม่ร่วง” การปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาตะวันตกที่เน้นความคิด มากกว่าความจำ และการวางแผนอนาคตหลังเรียนจบ – ทั้งในกรณีอยากกลับไทย หรืออยากอยู่ต่อ
ความโดดเดี่ยวไม่ใช่ศัตรูในสายตาผู้เขียน แต่มันคือบทเรียนที่พาเราเข้าสู่การเติบโตที่ลึกที่สุด หนังสือแนะนำการอยู่กับความเงียบ การใช้ชีวิตคนเดียวอย่างไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง และการสร้างความสัมพันธ์แบบจริงจัง ไม่ใช่เพียงคบไว้เพื่อความอยู่รอด
ในช่วงท้าย ผู้เขียนได้สรุปว่า “การอยู่รอด” ไม่ใช่แค่การเรียนจบ หรือได้ใบปริญญา หากแต่คือการที่คนคนหนึ่งสามารถกลับมาเข้าใจตัวเองในระดับลึก มีระบบคิด มีทักษะชีวิต และพร้อมใช้ชีวิตในโลกใหม่ด้วยใจที่มั่นคง — ไม่ว่าโลกนั้นจะเป็นต่างประเทศ หรือ “กลับบ้าน” ก็ตาม
นี่จึงเป็นหนังสือที่ไม่ใช่แค่สำหรับ “นักเรียนต่างแดน” แต่สำหรับทุกคนที่กำลังย้ายผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ที่กำลังเดินออกจากสิ่งคุ้นเคย และต้องการ “คำตอบจากภายใน” มากกว่าแค่เทคนิคภายนอก
รีวิว
ทั้งหมด : 0